ภาพรวม
Burn In เป็นการทดสอบความทนทานของผลิตภัณฑ์โดยอาศัยการเร่งอายุการทำงานของผลิตภัณฑ์ด้วยการใช้งานผลิตภัณฑ์ที่อุณหภูมิสูงเป็นเวลาต่อเนื่องตามที่กำหนด โดยระหว่างนี้จะทำการตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์จะเริ่มทำงานผิดปกติเมื่อใช้งานไปได้เป็นระยะเวลานานเท่าใด? ซึ่งเราสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการการันตีอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ได้ โดยปกติแล้วการ Burn In จะต้องการเครื่องมือวัด 2 ประเภท ได้แก่
1. Power Supply: โดยปกติจะต้องสามารถจ่ายแรงดันไฟฟ้าได้ค่อนข้างสูง เนื่องจากการ Burn In เป็นการเร่งอายุการใช้งานจึงต้องจ่ายแรงดันไฟฟ้ามากกว่าปกติและต้องสามารถวัดค่ากระแสไฟฟ้าได้สูงและละเอียดพอด้วย โดยปกติแล้วจะใช้ Power Supply เพียงตัวเดียว
2. Data Acquisition: สำหรับอ่านค่าสัญญาณทางไฟฟ้าของผลิตภัณฑ์เพื่อดูว่ายังทำงานได้ตามปกติหรือไม่ ซึ่งสัญญาณทางไฟฟ้าอาจจะเป็นแรงดันหรือกระแสไฟฟ้าก็ได้ โดยปกติแล้วจะต้องใช้ Data Acquisition หลายช่องสัญญาณเนื่องจากเราต้องทำการระบุให้ได้ว่าผลิตภัณฑ์ตัวใดมีปัญหา
โดยปกติแล้วการ Burn In จะทำการทดสอบผลิตภัณฑ์หลาย ๆ ตัวพร้อมกันโดยอาจจะมากถึงคราวละหลายร้อยตัว เพราะฉะนั้น Data Acquisition ที่ใช้จะมีช่องสัญญาณจำนวนมากซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นเงาตามตัว
แล้วเราจะลดค่าใช้จ่ายอันเนื่องมากจากจำนวนช่องสัญญาณได้อย่างไร?
ข้อดีของการทดสอบ burn in ก็คือ การทดสอบแบบนี้ไม่จำเป็นต้องอ่านสัญญาณไฟฟ้าจากสัญญาณทุกตัวพร้อมกัน นอกจากนี้ยังไม่จำเป็นต้องอ่านสัญญาณด้วยความเร็วสูงอีกด้วย เพราะฉะนั้นเราจึงมีทางเลือกในการลดค่าใช้จ่ายโดยใช้เครื่องมือวัดอาจจะเพียงช่องสัญญาณเดียว เช่น Digital Multimeter ซึ่งสามารถอ่านค่าได้แม่นยำ วัดสัญญาณได้ช่วงกว้าง แต่ความเร็วในการวัดต่ำ แล้วต่อเครื่องมือวัดเข้ากับอุปกรณ์ที่จะนำสัญญาณจากผลิตภัณฑ์แต่ละตัวเข้ามาอ่านด้วยเครื่องมือวัดที่เวลาแตกต่างกัน หนึ่งในทางเลือกที่ดีสำหรับอุปกรณ์ประเภทนี้ คือ multiplexer ซึ่งสามารถใช้ในการเชื่อมต่อเครื่องมือวัดเข้ากับจุดที่เราต้องการวัดสัญญาณไฟฟ้าได้ตามความต้องการ
แล้วเราจะเลือกใช้ multiplexer ได้อย่างไร?
ทั้งนี้การเลือกใช้งาน multiplexer นั้นมีข้อพิจารณาหลากหลายประการดังต่อไปนี้
– ประเภทของรีเลย์บน multiplexer: Electro mechanical relay นั้นสามารถทนกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดแต่ก็มีความเร็วในการทำงานที่ต่ำและอายุการใช้งานสั้นกว่าเมื่อเทียบกับ Reed relay ในขณะที่ Solid state relay นั้นมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและรองรับสัญญาณความถี่สูงได้แต่สามารถรองรับกระแสไฟฟ้าได้ต่ำกว่าและมีการลดทอนสัญญาณสูง
– กระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้าที่รองรับได้: ต้องมากพอที่จะรองรับการทดสอบได้
– pole: จำนวนจุดที่จะทำการเชื่อมต่อพร้อมกัน เช่น ถ้าเราทำการวัดแบบ single end ซึ่งต้องเชื่อมเพียงจุดเดียวไปยังช่องสัญญาณ เราสามารถใช้ multiplexer แบบ 1 pole แต่ถ้าเราทำการวัดแบบ differential ซึ่งต้องเชื่อมสองจุดไปยังช่องสัญญาณ เราต้องใช้ multiplexer แบบ 2 pole บางครั้งคุณลักษณะนี้จะถูกเรียกว่า wire
– bank: จำนวนของ multiplexer ที่สามารถใช้งานได้พร้อม ๆ กันบนโมดูลแต่ละตัว
– จำนวนจุดเชื่อมต่อ: ปกติจะเป็นไปตามจำนวนผลิตภัณฑ์ที่ต้องการทดสอบ หากจุดเชื่อมต่อไม่เพียงพอเราสามารถใช้ multiplexer หลายตัวได้
ตัวอย่างของ multiplexer เช่น Pickering 40-614D-015 ซึ่งเป็น multiplexer 128 จุดเชื่อมต่อ 1 bank ใช้ Electromechanical relay รองรับแรงดันไฟฟ้าได้สูง 300V และกระแสสูงสุด 2A เป็นต้น
บทสรุป
เราสามารถใช้ multiplexer เพื่อลดจำนวนช่องสัญญาณที่จำเป็นต้องใช้งานในการทดสอบ burn in ได้เป็นอย่างดี นอกจาก multiplexer ยังมีอุปกรณ์ประเภทอื่น ๆ ที่อาจจะช่วยให้ผู้อ่านสามารถลดค่าใช้จ่ายในการทดสอบได้ เช่น relay และ matrix เป็นต้น ท่านผู้อ่านสามารถ ติดต่อ ทีมงาน เทคสแควร์ เพื่อสอบถามเพิ่มเติมหากท่านสงสัยว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการทดสอบแบบต่าง ๆ ได้อย่างไร?
ข้อมูลเพิ่มเติม
การเลือกใช้งาน switch ให้เหมาะสมกับความต้องการ