กรกฎาคม 21, 2022

การเลือกใช้โมดูลของ NI เพื่อทำการอ่านสัญญาณจากเซนเซอร์ Rosette ในการทดสอบความเค้นของแผงวงจร

บทความนี้แนะนำการเลือกใช้โมดูลของ NI เพื่อทำการอ่านสัญญาณจากเซนเซอร์ Rosette ในการทดสอบความเค้นของแผงวงจร เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจก่อนว่าเซนเซอร์ Rosette คืออะไร?

สเตรนเกจแบบ Rosette คือ การนำ สเตรนเกจ 2 หรือ 3 ตัวมาวางในฐานเดียวกัน เพื่อใช้วัดความเค้น ในทิศทางต่าง ๆ รูปแบบที่นิยม มีอยู่ 3 แบบ ได้แก่

1. T rosette: รูปแบบนี้ใช้สเตรนเกจจำนวน 2 ตัว วางในแนวตั้งฉากกัน มีลักษณะคล้ายอักษร T มีราคาไม่แพง แต่ข้อเสีย คือ ไม่สามารถคำนวณความเค้นหลักสูงสุดและต่ำสุดได้ จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม

2. Rectangular rosette: รูปแบบนี้ใช้สเตรนเกจจำนวน 3 ตัว วางในแนว 45 องศา มีข้อดี คือ สามารถคำนวณความเค้นหลักสูงสุด และต่ำสุดได้

3. Delta rosette: รูปแบบนี้ใช้สเตรนเกจจำนวน 3 ตัว วางในแนว 60 หรือ 120 องศา สามารถคำนวณความเค้นหลักสูงสุด และต่ำสุดได้ เช่นกัน

ในส่วนของโมดูลที่ใช้วัดสัญญาณจากเซนเซอร์ Rosette ของ NI นั้นจะใช้โมดูลที่วัดสัญญาณจากสเตรนเกจแบบ Quarter Bridge ซึ่งมีหลากหลายรุ่นดังแสดงในตารางด้านล่าง จุดสังเกต คือ ไม่มีการใช้ความละเอียดของข้อมูลในการพิจารณาเพราะโมดูลอ่านค่าสเตรนเกจของ NI ทุกรุ่น สามารถใช้งานได้ที่ 24 บิต

Model

Sampling Rate

Excitation Voltage

Max Channels per System

PC Interface

Synchronization

Gage Resistance

Sensor Interface

Weight (for 80 channels or max channels per system)

FD-11637

500S/s to 102.4kS/s with 13.1072MHz, 12.8MHz, 12.288MHz, 10.24MHz master timebase

3V, 5V, 10V

8

Ethernet

Start Trigger, Sync Pulse

120Ohm, 350Ohm

Direct connect

12kg

cDAQ 9179 + NI 9218

1.652kS/s to 51.2kS/s with 13.1072MHz master timebase

2V, 3.3V

28

Ethernet, USB

Start Trigger, Sample Clock

120Ohm, 350Ohm

With channel terminal block which each model supports differed gage resistance

7.354kg

cDAQ 9179 + NI 9219

2S/s, 7.7S/s, 9.1S/s, 100S/s

0.05V, 0.15V, 0.43V, 2.2V

56

Ethernet, USB

Start Trigger, Sample Clock

120Ohm, 350Ohm

Direct connect

3.624kg

cDAQ 9179 + NI 9235

794S/s to 10kS/s with 12.8MHz master timebase

2V

112

Ethernet, USB

Start Trigger, Sample Clock

120Ohm

Direct connect

3.04kg

cDAQ 9179 + NI 9236

794S/s to 10kS/s with 12.8MHz master timebase

3.3V

112

Ethernet, USB

Start Trigger, Sample Clock

350Ohm

Direct connect

3.04kg

cDAQ 9179 + NI 9237

1.613kS/s to 50kS/s with 12.8MHz master timebase

2.5v, 3.3V, 5V, 10V

56

Ethernet, USB

Start Trigger, Sample Clock

120Ohm, 350Ohm

With channel terminal block which each model supports differed gage resistance

7.368kg

PXIe-8301 + PXIe-1092 + PXIe-4330

1 S/s to 100 S/s in 1 S/s increments, 100 S/s to 25.6 kS/s in 100 S/s increments

0.625V, 1V, 1.5V, 2V, 2.5V, 2.75V, 3.3V, 5V, 7.5V, 10V

136

Thunderbolt, MXIe

Start Trigger, Sample Clock

120Ohm, 350Ohm, 1kOhm

With module terminal block which can suppose all gage resistances

20.151kg

PXIe-8301 + PXIe-1092 + PXIe-4331

1 S/s to 100 S/s in 1 S/s increments, 100 S/s to 102.4 kS/s in 100 S/s increments

0.625V, 1V, 1.5V, 2V, 2.5V, 2.75V, 3.3V, 5V, 7.5V, 10V

136

Thunderbolt, MXIe

Start Trigger, Sample Clock

120Ohm, 350Ohm, 1kOhm

With module terminal block which can suppose all gage resistances

20.251kg

PXIe-8301 + PXIe-1092 + PXIe-4339

1S/s to 25.6kS/s with ≤181.9 µS/s resolution

0.625V, 1V, 1.5V, 2V, 2.5V, 2.75V, 3.3V, 5V, 7.5V, 10V

136

Thunderbolt, MXIe

Start Trigger, Sample Clock

120Ohm, 350Ohm, 1kOhm

With module terminal block which each model supports differed gage resistance

21.311kg

รายละเอียดด้านล่าง เป็นแนวทางการเลือกโมดูลที่เหมาะสมกับงานแต่ละรูปแบบ

1. ความเร็วในการอ่านสัญญาณ (Sampling Rate): โดยทั่วไปมักจะพิจารณาเฉพาะ ความเร็วสูงสุด ที่ต้องการใช้งาน มีความเหมาะสมกับการทดสอบแบบ Dynamic แต่ทางทีมงานของเราขอแนะนำให้พิจารณา ความเร็วต่ำสุด ด้วย เช่น งานทดสอบแบบ Static ถึงแม้ว่าจะสามารถใช้ ซอฟต์แวร์ วนลูป ด้วยแต่เวลาที่ได้ก็จะไม่แม่นยำ หรือแม้จะดึงสัญญาณที่ความเร็วสูงแล้วมาทำการ กรองสัญญาณ ความถี่สูง และแซมปลิ้งใหม่ ก็จะต้องใช้เวลาในการประมวลผลที่นานขึ้น ในกรณีที่ต้องการดึงสัญญาณที่ ความถี่ต่ำ ที่ไม่สามารถแซมปลิ้งใหม่ได้ แนะนำให้ใช้โมดูลที่มีความละเอียดของความถี่ต่ำ ๆ เช่น PXIe-4339 ซึ่งมีความละเอียดของเวลาในการดึงสัญญาณที่ ≤181.9 µS/s ในส่วนของโมดูลที่ใช้ master timebase จะมีความเร็วในการอ่านสัญญาณให้เลือกค่อนข้างน้อย เพราะ สัญญาณนาฬิกา ที่ใช้อ่านสัญญาณจะได้จากการหาร master timebase ด้วยจำนวนเต็ม

2. ไฟเลี้ยงเซนเซอร์ (Excitation Voltage): ในส่วนของไฟเลี้ยงเซนเซอร์นั้นขึ้นอยู่กับสเปกของสเตรนเกจ ผู้ใช้ควรเลือกโมดูลที่สามารถใช้งานได้ทุกระดับไฟเลี้ยงที่ต้องการ ไม่เช่นนั้นถ้ามีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทดสอบในอนาคต จะต้องทำการใช้ไฟเลี้ยงจากภายนอกแทน

3. จำนวนช่องสัญญาณสูงสุดต่อระบบ (Max Channels per System): ส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับ จำนวนช่องสัญญาณ ต่อ โมดูล และจำนวนโมดูล ต่อ ระบบ ควรเลือกโมดูล ที่สามารถซัพพอร์ท จำนวนช่องสัญญาณ ที่ต้องการใช้ ตั้งแต่ต้นเพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากในการ ซิงโครไนซ์ ระหว่างระบบ และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

4. การเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ (PC Interface): ในส่วนของการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ควรพิจารณาในแง่ของระยะทาง (ระยะทางไกลควรใช้ Ethernet) และอินเตอร์เฟซที่มีอยู่หน้างาน (ส่วนใหญ่สามารถเพิ่ม อินเตอร์เฟซ ด้วยอุปกรณ์เสริมได้) ในส่วนของความเร็ว ในการส่งข้อมูลไม่ใช่ประเด็นใหญ่ เพราะสเตรนเกจมีความเร็วในการอ่านข้อมูลอย่างมากที่ 100 kHz ต่อให้มี 100 ช่องสัญญาณก็จะมีการส่งข้อมูลไม่เกิน 80 MB/s ซึ่งการอินเตอร์เฟซในยุคปัจจุบันสามารถรองรับได้ทั้งหมด

5. ความสามารถในการซิงโครไนซ์ข้ามระบบ (Synchronization): ส่วนนี้จะมีความสำคัญเมื่อเราต้องการช่องสัญญาณจำนวนมาก แต่ควรให้ความสำคัญ กับ จำนวนช่องสัญญาณสูงสุด ต่อระบบ ที่เพียงพอก่อน และหากจำเป็นต้องใช้ให้พิจารณาซิงโครไนซ์ด้วยสัญญาณนาฬิกา (sample clock) และสตาร์ททริกเกอร์ (start trigger) ก่อน

6. ความต้านทานสเตรนเกจ (Gage Resistance): ลูกค้าควรเลือกใช้โมดูล ที่ มีความเข้ากันได้ กับ ความต้านทานสเตรนเกจ ที่ใช้งาน และควรพิจารณาในส่วนของการต่อสายเซนเซอร์ด้วย

7. การต่อเซนเซอร์ Rosette (Sensor Interface): ความสำคัญของส่วนนี้ คือ โมดูลแต่ละแบบอาจจะใช้ได้กับความต้านทานของสเตรนเกจ เพียงค่าเดียว ในบางกรณีต้องเปลี่ยนเทอร์มินัลบล๊อค เพื่อใช้งานกับ ค่าความต้านทานของ สเตรนเกจที่แตกต่างกัน ซึ่งในส่วนนี้จะเพิ่มทั้งค่าใช้จ่าย และลดความยืดหยุ่นของระบบ แต่โดยทั่ว ๆ ไปถ้าใช้ความต้านทานค่าเดียวก็ไม่จำเป็นต้องพิจารณา

8. น้ำหนัก (Weight): ถ้าระบบมีการเคลื่อนย้ายบ่อยก็ควรพิจารณารุ่นที่มีน้ำหนักเบา สามารถพกพาได้สะดวก หรือใช้แหล่งจ่ายไฟจากพอร์ต USB ได้ โดยไม่ต้องเสียบปลั้ก

ในส่วนของการเขียนโปรแกรมนั้น สามารถใช้ไดรเวอร์ NI-DAQmx ในการเขียนโปรแกรมได้หลากหลายภาษา ไม่ว่าจะเป็น LabVIEW, C#, C หรือ Python ซึ่งไดรเวอร์ NI-DAQmx นั้นสามารถตั้งค่าให้วัดสัญญาณจากเซนเซอร์ Rosette แล้วทำการคำนวณค่าความเค้นสูงสุดและต่ำสุดโดยอัตโนมัติ แต่ข้อเสียคือสามารถวัดค่าได้จากเซนเซอร์ 11 ตัวเท่านั้น แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเราสามารถวัดค่าความเค้นจากสเตรนเกจแต่ละตัว แล้วทำการคำนวณค่าความเค้นหลักสูงสุดและต่ำสุดได้เอง

หวังว่าบทความนี้จะให้ความรู้ที่จำเป็นในการเลือกใช้โมดูลวัดสัญญาณจากเซนเซอร์ Rosette แต่ถ้าหากยังตัดสินใจเลือกไม่ได้ก็ไม่ต้องกังวล ติดต่อให้ ทีมงาน เทคสแควร์ แนะนำข้อมูลเพิ่มเติมได้แล้ววันนี้

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

Identify and Characterize Damaging PCB Assembly and Test Processes Using Strain Gage Testing

  1.  

error: Content is protected...