บทความนี้ สอน การย้ายโปรแกรม LabVIEW และ NI-DAQmx ไปยัง คอมพิวเตอร์ เครื่องอื่น เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการ อัพเกรด Windows Operating System (OS) หากทำตามขั้นตอนในบทความนี้ จะทำให้ DAQ code ถูกรันบนคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่อย่างถูกต้อง DAQ palette และ DAQ Assistant ปรากฏใน Measurement I/O Function palette ของคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่
เตรียมข้อมูลในคอมพิวเตอร์เครื่องเก่า
- หากผู้ใช้ต้องการรักษาข้อมูล Measurement & Automation Explorer (MAX) configuration ซึ่งรวมถึง ชื่ออุปกรณ์, global virtual channels และค่าที่กำหนดไว้อื่นๆ ผู้ใช้ต้องทำการบันทึกข้อมูล MAX Configuration save a copy of the MAX configuration data จากระบบเดิมก่อนจะเริ่มต้นการโยกย้ายหรืออัพเกรด เนื่องจากข้อมูลอาจสูญหายได้แม้ในขณะที่กำลังทำการอัพเกรด Windows การสำรองข้อมูลไว้ก่อนจึงเป็นขั้นตอนที่ปลอดภัยที่สุด
- สำรองแอพพลิเคชั่น NI-DAQmx ที่พัฒนาไว้รวมถึง code ทุกประเภทที่ต้องการย้ายไปยังระบบใหม่ ผู้ใช้สามารถสำรองข้อมูลค่ากำหนดของ MAX ได้ในโลเคชั่นเดียว
การตรวจสอบความเข้ากันได้ของคอมพิวเตอร์ทั้ง 2 เครื่อง ก่อนการย้าย
ปัญหาการใช้ NI-DAQmx ที่พบมากในหลังการอัพเกรดระบบปฏิบัติการ Windows หรือ การย้ายไปเครื่องใหม่ คือการที่ ระบบปฏิบัติการ, LabVIEW, NI-DAQmx อุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกันไม่ได้
ผู้ใช้ควรคำนึงถึงความเข้ากันได้ของ ซอฟต์แวร์ ไดร์เวอร์ และฮาร์ดแวร์ก่อนทำการเปลี่ยนแปลงใดๆกับระบบ ผู้ใช้สามารถตรวจสอบความเข้ากันได้จากลิงค์ด้านล่างนี้
- หากไม่ทราบเวอร์ชั่นของซอฟต์แวร์ NI ที่ใช้อยู่ สามารถเช็คได้จากลิงค์ด้านล่างนี้
ตรวจสอบเวอร์ชั่นของ LabVIEW และ NI-DAQmx
– ตัวอย่าง : ระบบปฏิบัติการที่ใช้ปัจจุบันคือ Windows XP, LabVIEW และ NI-DAQmx 9.5.5 และจะย้ายไปที่เครื่องที่ใช้ Windows 10 - ตรวจสอบความเข้ากันได้ของ LabVIEW และ เวอร์ชั่นของ Windows ที่จะใช้
– ตัวอย่าง : LabVIEW 2009 ไม่สามารถใช้กับ Windows 10 ได้ ผู้ใช้ต้องทำการอัพเกรดโปรแกรม LabVIEW ให้เป็นเวอร์ชั่น 2015 หรือสูงกว่า - ตรวจสอบความเข้ากันได้ของ NI-DAQmx และ เวอร์ชั่นของ Windows ที่จะใช้
– ตัวอย่าง : NI-DAQmx 9.5.5 ไม่สามารถใช้งานร่วมกัน Windows 10 ได้ ผู้ใช้ต้องทำการอัพเกรด NI-DAQmx ให้เป็นเวอร์ชั่น 5 หรือสูงกว่า - ตรวจสอบความเข้ากันของ NI-DAQmx และ LabVIEW เวอร์ชั่นใหม่ที่จะใช้เพื่อให้แน่ใจว่าใช้งานร่วมกันได้
– ตัวอย่าง : ผู้ใช้ทำการอัพเกรด LabVIEW เป็นเวอร์ชั่น 2017 ซึ่งสามารถใช้งานได้กับ NI-DAQmx เวอร์ชั่น 0 หรือสูงขึ้นไปเท่านั้น ผู้ใช้จึงต้องอัพเกรด NI-DAQmx เป็นเวอร์ชั่น 2017 ด้วย - หากผู้ใช้ต้องการเปลี่ยนเวอร์ชั่นของ NI-DAQmx หรือ LabVIEW จากที่ใช้อยู่เดิม ให้ทำการตรวจว่าสอบอุปกรณ์และโมดูลสามารถใช้งานร่วมกับ NI-DAQmx เวอร์ชั่นใหม่ได้หรือไม่ด้วยการเช็ค Readme ของ NI-DAQmx เวอร์ชั่นนั้นๆ ผู้ใช้สามารถหา NI-DAQmx Readme ได้จาก คู่มือผู้ใช้ และข้อมูลอื่น ๆ จากลิงค์ NI-DAQmx หากมีการใช้งาน NI PXI ร่วมด้วย ผู้ใช้อาจต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของ PXI Platform Services โดยการคลิก ที่นี่
– ตัวอย่าง : ผู้ใช้ตรวจสอบ readme ของ NI-DAQmx 17.0 และพบว่าสามารถทำงานร่วมกับ DAQ ฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่ได้ ผู้ใข้จึงสามารถอัพเกรดได้อย่างปลอดภัย
– โดยปกติแล้ว เมื่อมีการติดตั้ง ไดร์เวอร์ NI-DAQmx เวอร์ชั่น ใหม่ จะมีการ support อุปกรณ์รุ่นเก่า หลายเวอร์ชั่น ผู้ช้สามารถตรวจสอบที่เอกสาร Readme เพิ่มเติมตามหัวข้อด้านบน
ขั้นตอน การอัพเกรด หรือ ย้ายไปยัง คอมพิวเตอร์ เครื่องใหม่
เมื่อยืนยันเวอร์ชั่นที่ถูกต้องและทำการสำรองข้อมูลที่จะทำการย้ายไปยังระบบใหม่แล้ว ผู้ใช้สามารถเริ่มการอัพเกรดและตั้งค่าเบื้องต้นของ Windows ใหม่ได้เลย จากนั้นให้ติดตั้งโปรแกรม LabVIEW และ NI-DAQmx ลงเครื่องใหม่ เพื่อเลี่ยงปัญหาระหว่างการติดตั้ง ผู้ใช้ควรติดตั้งโปรแกรมตามลำดับที่ถูกต้อง เนื่องจาก NI Installer ถูกออกแบบมาให้ Application Development Environments (ADEs) เช่นโปรแกรม LabVIEW ต้องถูกติดตั้งก่อน แล้วจึงตามด้วย ไดร์เวอร์ และ addons เช่น NI-DAQmx
- ดาวน์โหลดและติดตั้ง LabVIEW ทุกเวอร์ชั่นได้ที่นี่ และสามารถตรวจสอบเวอร์ชั่นที่เหมาะสมได้โดยการคลิก ที่นี่
- ดาวน์โหลดและติดตั้ง NI-DAQmx ทุกเวอร์ชั่นได้ที่นี่ และสามารถตรวจสอบเวอร์ชั่นที่เหมาะสมได้โดยการคลิก ที่นี่
- อิมพอร์ตข้อมูล Configuration ของ MAX ที่ผู้ใช้สำรองข้อมูลไว้ได้โดยคลิก ที่นี่ จากนั้นทำตามขั้นตอนที่กล่าวไปแล้วข้างต้นเพื่อบันทึกข้อมูลค่ากำหนดของ MAX
- หลังจากทำการติดตั้งโปรแกรม และอิมพอร์ตข้อมูล Configuration ของ MAX เรียบร้อยแล้ว ให้ทดสอบ DAQ ฮาร์ดแวร์โดยการ เปิด Test Panel ใน MAX หรือ ทำการรัน LabVIEW Shipping Example
- หากเป็นการย้ายไปเครื่องใหม่ ให้ทำการเก็บข้อมูล NI-DAQmx code และ แอพพลิเคชั่นที่ทำการพัฒนาไว้จากดลเคชั่นที่ผู้ใช้สำรองข้อมูลหรือจาก Windows pc เครื่องเดิม
การทำ Troubleshoot หลังจากการอัพเกรด Windows หรือย้ายไปยัง Window pc เครื่องใหม่
หากผู้ใช้ทำการอัพเกรดระบบปฏัติการ Windows หรือย้ายไปยังเครื่องใหม่ แล้วพบปัญหา ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ทบทวนขั้นตอนที่ 1 – 5 เพื่อให้มั่นใจว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากความเข้ากันได้ของ ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์
หมายเหตุ : DAQ ฮาร์ดแวร์บางชนิดไม่สนับสนุนระบบปฏิบัติการ 64-bit หรือ Windows Vista หรือสูงกว่า - หากผู้ใช้มีปัญหาเฉพาะอุปกรณ์ (เช่น อุปกรณ์ไม่แสดงบน MAX หรือ ไม่สามารถ เลือก อุปกรณ์จาก LabVIEW ได้เป็นต้น) ให้ตรวจสอบ Readme ว่า NI-DAQmx เวอร์ชั่นที่ติดตั้ง สนับสนุนอุปกรณ์, โมดูล, และ chassis รุ่นนั้น ๆ หรือไม่ โดยสามารถดู Readme ออนไลน์ได้ตามขั้นตอนที่ 4 หรือคลิก ที่นี่ เพื่อดูขั้นตอนการหา Readme ที่ถูกต้อง
– ตรวจสอบว่าสามารถพบอุปกรณ์และเชื่อมต่ออย่างถูกต้องใน Windows Device Manager หากอุปกรณ์ NI-DAQmx แสดงผลเป็น “Other Devices” ใน Windows Device Manager ให้ทำตามขั้นตอนดังนี้ สำหรับอุปกรณ์ USB, PCI, PCIe, PXI, PXIe รวมถึงขั้นตอนสำหรับ PXI และ PXIe โมดูลที่ใช้งานกับ MXI หรือ MXI Express (MXIe) โดยคลิก ที่นี่
– ถ้าอุปกรณ์ PXI/PXIe DAQ ที่เชื่อมต่อผ่าน MXI หรือ MXI Express (MXIe) ไม่ปรากฏขึ้นอย่างถูกต้อง ให้ตรวจสอบโดยคลิก MXI Compatibility and Connectivity Guide เพื่อทำการ troubleshoot ในส่วนของ MXI ของระบบ DAQ
– ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ทำงานได้อย่างถูกต้องโดยเช็คสถานะไฟ LED(s) สามารถอ้างอิงได้จาก คู่มืออุปกรณ์ เพื่อดูความหมายของสี และ แพทเทิร์นของ ไฟLED
– ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ DAQ ที่เชื่อมกับเน็ตเวิร์คถูกเพิ่มเข้าไปยังอุปกรณ์และอินเตอร์เฟสแล้วโดยคลิก ที่นี่
– หากอุปกรณ์สามารถเข้ากันได้กับเวอร์ชั่นของ NI-DAQmx ที่ติดตั้ง แต่ยังไม่ปรากฏใน NI-MAX อย่างถูกต้อง ผู้ใช้สามารถทอลองรีเซ็ท NI-MAX Database ได้ โดยคลิก ที่นี่ เพื่อดูขั้นตอนการรีเซ็ท NI-MAX Database
– สำหรับปัญหาฮาร์ดแวร์เฉพาะอื่น ๆ เช่น accuracy หรือ signal troubleshooting ให้ผู้ใช้อ้างอิงจาก คู่มืออุปกรณ์
– หาก Windows ที่ใช้เป็นเวอร์ชั่น 8, 8.2, หรือ 10 ให้ตรวจสอบการเริ่มใช้งานได้จากลิงค์ต่อไปนี้ Fast Startup option can cause problems with NI hardware detection - หากผู้ใช้มีปัญหา กับ การเปิด โปรแกรม LabVIEW ให้ตรวจสอบความเข้ากันได้ของ LabVIEW และ ระบบปฏิบัติการ โดยคลิก ที่นี่
- ให้ผู้ใช้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ หากพบ error ในแอพพลิเคชั่น NI-DAQmx บนเครื่องใหม่ที่ไม่พบมาก่อนในเครื่องเก่า
– ตรวจสอบ hardcoded device names/aliases, IP Addresses หรือข้อมูลเฉพาะของฮาร์ดแวร์ในแอพพลิเคชั่น DAQmx แล้วเปรียบเทียบข้อมูลกับข้อมูลการกำหนดค่าที่เก็บไว้ใน MAX การทำ Troubleshoot ในขั้นตอนนี้สำคัญมากโดยเฉพาะหากผู้ใข้ไม่ได้ อิมพอร์ตหรือเอ็กซ์พอร์ตข้อมูลการกำหนดค่าของ MAX ตามขั้นตอนที่กล่าวไปแล้ว
– error ที่พบมากคือ -200220: Device identifier is invalid ซึ่งเกิดจากการจับคู่ที่ไม่ถูกต้องของ device aliases หากพบ error นี้แสดงว่า ข้อมูลของอุปกรณ์และ task อาจถูกอิมพอร์ตมาจาก MAX อย่างไม่ถูกต้อง - หากมี NI-DAQmx features ใดขาดไปในโปรแกรม LabVIEW ให้ตรวจสอบว่าได้ติดตั้ง NI-DAQmx ไดร์เวอร์รูปแบบเต็มที่มี ADE Support อย่างไรก็ตาม การติดตั้ง NI-DAQmx subset เช่น Core, Run-Time, หรือ Configuration Support ไม่ได้เป็นการติดตั้ง LabVIEW API ผู้ใช้สามารถดูขั้นตอนการ troubleshoot เพิ่มเติมในกรณีที่ NI-DAQmx ทำงานไม่ปกติได้โดยการคลิก ที่นี่
- กรณีที่ NI-DAQmx palette หาย ไปจาก โปรแกรม LabVIEW อาจมีสาเหตุจาก ไม่ได้มีการติดตั้ง NI-DAQmx หลังจากโปรแกรม LabVIEW ผู้ใช้สามารถแก้ไขได้โดยการ ดาวน์โหลดและติดตั้ง NI-DAQmx เวอร์ชั่นใหม่ที่ใช้งานได้โดยคลิก ที่นี่ หรือ รัน repair ด้วยเวอร์ชั่นที่มีอยู่โดยดูขั้นตอนได้โดยการคลิก ที่นี่
– หากการ repair ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ให้ผู้ใช้ลองทำการ force installation NI-DAQmx