บทความนี้สอนการติดตั้ง Image สำหรับอุปกรณ์ RevPi Controller เช่น RevPi Core / RevPi Connect / RevP Compact ผู้ใช้งานสามารถติดตั้ง Image ใหม่สำหรับอุปกรณ์ได้ ไม่ว่าจะเป็น Image ที่ติดตั้งมาจากผู้ผลิตในกรณีที่ต้องการให้อุปกรณ์ RevPi มี OS และซอฟต์แวร์เป็นแบบ Default จากผู้ผลิต หรือ Image ที่สร้างไว้เองเพื่อ Deploy ไปยังอุปกรณ์ RevPi หลาย ๆ ตัวได้โดยทำการอ่าน Image จากอุปกรณ์ RevPi Controller
สำหรับ Image ที่มาจากผู้ผลิต ผู้ใช้สามารถตรวจสอบ Image ที่ใช้งานกับอุปกรณ์ RevPi ของผู้ใช้ได้ใน RevPI Images เสร็จแล้วจึงทำการดาวน์โหลด Image ที่ต้องการติดตั้งได้จาก Download Area
หากผู้อ่านมีข้อสงสัยเพิ่มเติม กรุณา ติดต่อ ทีมงาน เทคสแควร์
อุปกรณ์ที่ต้องใช้
- คอมพิวเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง
- อุปกรณ์ RevPi พร้อมอุปกรณ์เชื่อมต่อ
ซอฟต์แวร์ที่ต้องใช้
- ไฟล์ Image
- โปรแกรม RPi Boot
- โปรแกรม Balena Etcher
ขั้นตอนการกำหนดค่า
1) ทำการดาวน์โหลดและติดตั้งซอฟต์แวร์ Balena Etcher เสียก่อน
2) สำหรับ Image ที่ดาวน์โหลดมาจาก Download Area ให้แตกไฟล์นามสกุล img ออกมาจากไฟล์ zip ที่ดาวน์โหลดมาไปเก็บไว้บนคอมพิวเตอร์
3) ปิดแหล่งจ่ายไฟ ของ อุปกรณ์ RevPi
4) เสียบสาย USB ของคอมพิวเตอร์ เข้ากับ พอร์ท micro-USB ของ อุปกรณ์ RevPi
5) เปิดโปรแกรม RPi Boot จะปรากฏคำว่า Waiting for BCM2835/6/7 ตามรูปด้านล่าง และให้เปิด แหล่งจ่ายไฟของ อุปกรณ์ RevPi โดยอุปกรณ์จะถูกติดตั้งเป็นไดรฟ์บนคอมพิวเตอร์
6) เปิดโปรแกรม Balena Etcher เพื่อเลือกไฟล์ OS Image ที่ต้องการ จากนั้นเลือก Target Drive ไปยังอุปกรณ์ RevPi ที่ติดตั้งในข้อที่ 5 แล้วกดปุ่ม Flash!
7) หลังจากทำการ Write Image เสร็จให้ปิดแหล่งจ่ายไฟของอุปกรณ์ RevPi
8) ถอดสาย USB ออกจากอุปกรณ์ RevPi
9) เปิดแหล่งจ่ายไฟของอุปกรณ์ RevPi ก็จะสามารถใช้งาน OS Image ใหม่ได้ทันที
สำหรับ Image Bookworm ที่ดาวน์โหลดมาจาก Download Area
โดยตั้งแต่ version Bookworm จะมี web แบบใหม่ที่เรียกว่า Cockpit ให้ผู้ใช้สามารถทำการตั้งค่า RevPi ได้ ซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
10) เข้า web browser ด้วย https://RevPi:41443/
เลือก Advanced กด Proceed to [IP Address] (unsafe) เพื่อเข้าไปที่หน้าต่าง login ของ Cockpit
11) ทำการ Login ด้วย Username: pi และ Password: raspberry
12) ทำการเปลี่ยนโหมด Limited access เป็น Administrative access (สังเกตมุมบนขวา)
13) เลือกเมนู Networking ในส่วน Interfaces ผู้ใช้สามารถตั้งค่าในส่วน IP Address ของ eth0 หรือ eth1 เพื่อกำหนด IP Address ในการเข้าถึง RevPi ในครั้งต่อไป
14) เลือกเมนู RevPi Configuration ในเมนูนี้ ผู้ใช้สามารถตั้งค่า PiCtory, Node-RED และ Enabled/Disabled ฟังก์ชั่นที่ต้องการได้
15) หลังจากตั้งค่าเสร็จแล้ว เข้าไปที่หน้าเมนู Terminal เพื่อ Reset อุปกรณ์ RevPi ด้วยคำสั่ง
sudo revpi-factory-reset <Model RevPi> <Serial Number> <MAC Address>
เมื่อ Reset เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำการ Reboot ด้วยคำสั่ง sudo reboot แล้ว
ผู้ใช้จะสามารถเข้า web browser ได้ด้วย IP Address ที่กำหนดตอนตั้งค่าในขั้นตอนที่ 13 และต้องตั้งค่า IP Address ของ Computer ให้อยู่ใน Subnet เดียวกันกับอุปกรณ์ RevPi ด้วย
เช่น RevPi IP Address: 192.168.0.201 Subnet Mask: 255.255.255.0
Computer IP Address: 192.168.0.100 Subnet Mask: 255.255.255.0
และในการ Login นั้น Username: pi และ Password: ตาม Sticker ด้านข้างอุปกรณ์ RevPi
สำหรับ Image Bullseye ที่ดาวน์โหลดมาจาก Download Area
16) ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์ ssh pi@[IP address ของอุปกรณ์ RevPi] เพื่อทำการล็อกอิน โดยใช้ Password: raspberry หรือพาสเวิร์ดของของอุปกรณ์ RevPi ตัวเดิม
17) หลังจากนั้น ระบบจะให้พิมพ์รายละเอียดเพื่อยืนยัน ตามขั้นตอนด้านล่าง
- เลือกผลิตภัณฑ์ เป็นรุ่นใด เช่น compact / connect หรือ core ให้พิมพ์ตามรุ่นที่ใช้งานจริง และกดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด (ตามรูปด้านล่างเป็นตัวอย่างของรุ่น RevPi Compact)
- Serial Number ให้ดูจากด้านหน้าของอุปกรณ์ RevPi และกดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด
- MAC Address ให้ดูจากด้านหน้าของอุปกรณ์ RevPi (หากเป็นรุ่นที่มีพอร์ท Ethernet 2 พอร์ท ให้กรอกเฉพาะพอร์ทแรก) และกดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด
หากดำเนินการถูกต้องจะปรากฏหน้าต่างตามรูปด้านล่าง
18) ทำการ reboot อุปกรณ์ RevPi
19) ทำการอัพเดทแพคเกจ โดยการพิมพ์คำสั่งตามรายการด้านล่าง
sudo apt-get update && sudo apt-get upgrade -y
*หมายเหตุ หากเป็นการติดตั้ง Image ใหม่ ข้ามรุ่น (ให้ใช้ password raspberry ในการ login) เช่น Image จาก RevPi Core แต่ไปติดตั้งบน RevPi Connect หรือเป็นการติดตั้งจาก Image ที่ผู้ใช้ทำการบันทึกไว้เอง (ให้ใช้ password ของ Image ตัวเดิม ในการ login) เมื่อระบบ reboot แล้ว ให้ทำการ login เข้าไปในระบบ แล้วพิมพ์คำสั่งด้านล่าง ก่อนทำการ reboot อีกครั้งหนึ่ง จะสามารถใช้งานระบบได้ทันที
sudo revpi-factory-reset <Type ของตัวใหม่ เช่น core / connect> <Serial Number ของตัวใหม่> <MAC Address ของตัวใหม่>
สำหรับ Image Buster ที่ดาวน์โหลดมาจาก Download Area
20) หลังจากนั้น ระบบจะให้พิมพ์รายละเอียดเพื่อยืนยัน ตามขั้นตอนด้านล่าง
- เลือกผลิตภัณฑ์ เป็นรุ่นใด เช่น compact / connect หรือ core ให้พิมพ์ตามรุ่นที่ใช้งานจริง และกดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด (ตามรูปด้านล่างเป็นตัวอย่างของรุ่น RevPi Connect)
- Serial Number ให้ดูจากด้านหน้าของอุปกรณ์ RevPi และกดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด
- MAC Address ให้ดูจากด้านหน้าของอุปกรณ์ RevPi (หากเป็นรุ่นที่มีพอร์ท Ethernet 2 พอร์ท ให้กรอกเฉพาะพอร์ทแรก) และกดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด


21) ทำการ reboot อุปกรณ์ RevPi
22) ทำการอัพเดทแพคเกจ โดยการพิมพ์คำสั่งตามรายการด้านล่าง
sudo apt-get update && sudo apt-get upgrade -y
23) หากผู้ใช้ต้องการอัพเดท Node.JS, npm และ Node-RED ให้พิมพ์คำสั่งด้านล่างเพื่อเรียกสคริปท์ในการอัพเดท
sudo /usr/sbin/revpi_buster_upgrade_fix_nodered.sh
สำหรับ Image Stretch ที่ดาวน์โหลดมาจาก Download Area
24) หลังจากนั้น ระบบจะให้พิมพ์รายละเอียดเพื่อยืนยัน ตามขั้นตอนด้านล่าง
- เลือกผลิตภัณฑ์ เป็นรุ่นใด เช่น compact / connect หรือ core ให้พิมพ์ตามรุ่นที่ใช้งานจริง และกดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด (ตามรูปด้านล่างเป็นตัวอย่างของรุ่น RevPi Connect)
- Serial Number ให้ดูจากด้านหน้าของอุปกรณ์ RevPi และกดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด
- MAC Address ให้ดูจากด้านหน้าของอุปกรณ์ RevPi (หากเป็นรุ่นที่มีพอร์ท Ethernet 2 พอร์ท ให้กรอกเฉพาะพอร์ทแรก) และกดปุ่ม Enter บนคีย์บอร์ด


25) ทำการ reboot อุปกรณ์ RevPi ในขั้นตอนสุดท้าย
*หมายเหตุ หากเป็นการติดตั้ง Image ใหม่ ข้ามรุ่น (ให้ใช้ password raspberry ในการ login) เช่น Image จาก RevPi Core แต่ไปติดตั้งบน RevPi Connect หรือเป็นการติดตั้งจาก Image ที่ผู้ใช้ทำการบันทึกไว้เอง (ให้ใช้ password ของ Image ตัวเดิม ในการ login) เมื่อระบบ reboot แล้ว ให้ทำการ login เข้าไปในระบบ แล้วพิมพ์คำสั่งด้านล่าง ก่อนทำการ reboot อีกครั้งหนึ่ง จะสามารถใช้งานระบบได้ทันที
sudo revpi-factory-reset <Type ของตัวใหม่ เช่น core / connect> <Serial Number ของตัวใหม่> <MAC Address ของตัวใหม่>
สำหรับ Image อื่น ๆ
สำหรับ Image ที่เราอ่านมาจากอุปกรณ์ตัวอื่น จะมีขั้นตอนเพิ่มเติมสำหรับ Image แต่ละรุ่นเหมือนกันเพียงแต่เราจะต้องใช้พาสเวิร์ดของอุปกรณ์ที่อ่าน Image มาในการล็อกอินครั้งแรก สำหรับ Image Bookworm ให้ทำตามขั้นตอนที่ 15 และ 16 เพื่อตั้งพาสเวิร์ดให้ตรงกับสติ๊กเกอร์ข้างอุปกรณ์ RevPi