พฤศจิกายน 9, 2023

การใช้คำสั่ง SCPI เพื่อควบคุม PicoVNA ด้วย LabVIEW

บทความนี้เราจะมาเรียนรู้ว่าเราจะควบคุม PicoVNA ด้วย LabVIEW ผ่านคำสั่ง SCPI ได้อย่างไร? แต่ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าคำสั่ง SCPI คืออะไร? SCPI (Standard Command for Programmable Instrument) คือ ชุดคำสั่งมาตรฐานที่สามารถใช้ควบคุมเครื่องมือวัดหลากหลายรุ่นได้โดยใช้คำสั่งเดียวกัน ในการใช้คำสั่ง SCPI เพื่อควบคุม PicoVNA นั้น เราจำเป็นดาวน์โหลดและติดตั้งซอฟต์แวร์ที่จำเป็นก่อน โดยจะมีทั้งหมด 2 ซอฟต์แวร์ ได้แก่

  1. PicoVNA 5: ประกอบไปด้วยไดรเวอร์และซอฟต์แวร์ที่จำเป็นสำหรับการควบคุม PicoVNA โดยเราสามารถดาวน์โหลดได้จาก https://www.picotech.com/downloads เลือกรุ่นของ PicoVNA ที่เราต้องการใช้งานแล้วทำการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ PicoVNA 5 สำหรับระบบปฏิบัติการวินโดว์ส  เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วให้ดับเบิ้ลคลิ๊กไฟล์ที่ดาวน์โหลดแล้วเลือก Install เพื่อทำการติดตั้งลงบนคอมพิวเตอร์ของเรา
  2. NI-VISA: เป็นไดรเวอร์สำหรับการสื่อสารผ่านอินเตอร์เฟซต่าง ๆ เช่น แลน ยูเอสบี ซีเรียล หรือจีพีไอบี เป็นต้น สามารถดาวน์โหลดได้จาก https://www.ni.com/en/support/downloads/drivers/download.ni-visa.html โดยเราต้องทำการติดตั้ง NI-VISA หลังจากติดตั้ง LabVIEW แล้ว (หรือติดตั้งพร้อมกันก็ได้) โดยไดรเวอร์ NI-VISA ยังรองรับภาษา C และมีไลบรารี่สำหรับ .NET และ Python ให้ดาวน์โหลดอีกด้วย

เมื่อทำการดาวน์โหลดและติดตั้งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว การควบคุม PicoVNA ด้วยคำสั่ง SCPI มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

1. เราเปิดซอฟต์แวร์ PicoVNA 5 และทำการเชื่อมต่อกับ PicoVNA ก่อน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ PicoVNA 5 ได้จากบทความเริ่มต้นใช้งาน PicoVNA ด้วยซอฟต์แวร์ PicoVNA 5

2. ในกรณีที่ต้องการใช้คำสั่ง SCPI ที่มีการติดต่อกับ filesystem (MMEMory:COPY, MMEMory:DELete, MMEMory:RMDIRectory, MMEMory:MOVe, MMEMory:MKDIRectory, MMEMory:CATalog?) ให้เข้าไปติ๊ก Menu>User Preferences>Security>Allow SCPI filesystems command แล้วกด APPLY CHANGES

3. ทำการสร้าง VI ใหม่ใน LabVIEW และเรียกใช้ฟังค์ชั่น VISA Open จาก Instrument I/O>VISA>Advanced>Open แล้วตั้งค่า VISA resource name เป็น TCPIP::127.0.0.1::5025::SOCKET เนื่องจากซอฟต์แวร์ PicoVNA 5 นั้นจะค่อยรับคำสั่งจากพอร์ต 5025

4. ใช้ Property Node จาก Instrument I/O>VISA>Advanced>VISA Property Node เพื่อทำการตั้งค่า Message Based Settings>Termination Character เป็น 10 (ตั้ง \n เพื่อจบการส่งคำสั่ง)  และตั้งค่า Message Based Settings>Termination Character Enable เป็น True

5. เรียกใช้ฟังค์ชั่น VISA Write จาก Instrument I/O>VISA>Write เพื่อส่งคำสั่งไปยัง PicoVNA โดยเราสามารถอ้างอิงชุดคำสั่งได้จาก C:\Program Files\Pico Technology Ltd\PicoVNA 5\resources\app\Pico_VNA_5_User_Guide.pdf หรือ C:\Program Files (x86)\Pico Technology Ltd\PicoVNA 5\resources\app\Pico_VNA_5_User_Guide.pdf ตัวอย่างด้านล่างจะทำการส่งคำสั่ง INIT ให้เริ่มทำการวัดแล้วส่งคำสั่ง CALC:DATA S11,LOGMAG เพื่ออ่านค่า S11 โดยเราจะต้องแนบ Programming>String>Line Feed Constant ไปข้างท้ายคำสั่งเพื่อบอกว่าคำสั่งสิ้นสุดแล้ว

6. เรียกใช้ฟังค์ชั่น VISA Read จาก Instrument I/O>VISA>Read เพื่ออ่านผลลัพธ์กลับมาจาก PicoVNA เราสามารถข้ามขั้นตอนนี้ได้หากคำสั่งในขั้นตอนที่ 3 ไม่มีผลลัพธ์กลับมา ตัวอย่างด้านล่างจะทำการอ่านค่า S11 กลับมา

7. ในขั้นตอนนี้เราอาจจะใส่ VISA Read และ VISA Write ไว้ในลูปเพื่อวนรอบทำงานไปเรื่อย ๆ และปรับแต่ง front panel และ block diagram เพิ่มเติมให้เหมาะสมกับการใช้งาน

8. เมื่อเสร็จการทำงานใช้ฟังค์ชั่น VISA Close จาก Instrument I/O>VISA>Advanced>Close แล้วทำการแจ้งเตือนหากมีปัญหาเกิดขึ้น

หวังว่าบทความข้างต้นจะช่วยให้ท่านสามารถใช้ LabVIEW หรือภาษาโปรแกรมมิ่งอื่น ๆ เพื่อควบคุม PicoVNA ด้วยคำสั่ง SCPI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ท่านสามารถติดต่อทีมงาน เทคสแควร์ เพื่อติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งาน PicoVNA หรือผลิตภัณฑ์จาก Pico Technology ร่วมกับ LabVIEW หรือภาษาโปรแกรมมิ่งอื่น ๆ

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Pico Technology Github

เริ่มต้นใช้งาน PicoVNA ด้วยซอฟต์แวร์ PicoVNA 5

error: Content is protected...