บทความนี้แนะนำการเริ่มต้นใช้งาน Revolution Pi โดยขั้นตอนต่าง ๆ ที่แนะนำสามารถใช้ได้กับ Revolution Pi ทุกรุ่น โดยอาจมีรายละเอียดแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย
1. โดยปกติแล้ว Revolution Pi ทุกตัวจะถูกติดตั้ง image มาให้พร้อมใช้งานได้ทันที แต่หากเราต้องการใช้ image ที่มีอยู่แล้วหรืออยากเปลี่ยนเป็น image รุ่นอื่น ๆ สามารถทำได้ตามขั้นตอนใน การติดตั้ง Image ใหม่สำหรับอุปกรณ์ RevPi
2. หลังจากนั้นเราจึงทำการต่อ Revolution Pi เข้ากับเน็ทเวิร์คเดียวกับคอมพิวเตอร์ของเราและจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ แล้วจึงทำการติดต่อกับ Revolution Pi ด้วยโปรโตคอล SSH ดังแสดงใน การใช้งาน RevPi ผ่านโปรโตคอล SSH แบบรีโมท
3. เมื่อทำการเชื่อมต่อผ่าน SSH แล้ว ในเทอร์มินัล SSH เราสามารถตั้งค่าอุปกรณ์ Revolution Pi ตามความต้องการใช้งานได้หลากหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น
– การกำหนดค่า Static IP สำหรับอุปกรณ์ RevPi
– การใช้งาน Wi-Fi บนอุปกรณ์ RevPi สำหรับรุ่น Connect 4 และ Connect 5 อาจมีการติดตั้ง Wifi มาแล้วจากโรงงาน
– สอนการกำหนดค่าอุปกรณ์ RevPi Core / RevPi Connect ให้เริ่มต้นการทำงานด้วย GUI Mode
– สอนการใช้ Remote Desktop กับ RevPi Core / RevPi Connect
4. หลังทำการตั้งค่าเครือข่าย GUI และ remote desktop แล้ว เราจะต้องทำการตั้งค่าอินพุต/เอาท์พุตและการเชื่อมต่อกับเกทเวย์และโปรโตคอลต่างเช่น modbus ด้วยโปรแกรม PiCtory ผ่านเว็บเบราเซอร์ สำหรับ Image รุ่น Bookworm หรือใหม่กว่าจะเปิดใช้งาน PiCtory ผ่าน Cockpit
5. ก่อนจะเริ่มทำการอ่านหรือเขียนอินพุต/เอาท์พุต เราต้องทำการต่อสัญญาณเสียก่อน โดยเราสามารถอ้างอิงวิธีต่อสัญญาณของแต่ละโมดูลได้จาก AIO, DI, DIO, DO, MIO และ RO โดยมีข้อควรระวังเพิ่มเติมในส่วนของช่องสัญญาณอินพุตแบบดิจิตัล คือ อินพุตแบบดิจิตัลของ Revolution Pi ถูกออกแบบมาไว้ต่อกับเซนเซอร์แบบ PNP (Sourcing) เพราะฉะนั้นถ้าใช้เซนเซอร์แบบ NPN ต้องต่อตัวต้านทาน pull up ไปยังไฟเลี้ยง ในกรณีที่ต่อรีเลย์, สวิทช์หน้าสัมผัส หรือเซนเซอร์สองขา ให้ต่อระหว่างไฟเลี้ยงกับช่องสัญญาณ เนื่องจากช่องสัญญาณอินพุตแบบดิจิตัลของ Revolution Pi จะอ่านเป็น 0 เมื่อปล่อยลอย
6. หลังจากตั้งค่าใน PiCtory เสร็จแล้ว เราสามารถทดลองอ่านและเขียนค่าต่างผ่านเทอร์มินัล SSH ด้วยคำสั่ง piTest โดยการตั้งค่าต่าง ๆ ของ piTest แสดงในตารางด้านล่าง ตัวอย่างเช่น หากเราต้องการอ่านค่าจาก I_1 เพียงครั้งเดียว เราจะใช้คำสั่ง piTest -1r I_1 เป็นต้น ทั้งนี้ค่าแรงดันไฟฟ้าที่อ่านได้จะมีหน่วยเป็น mV และกระแสไฟฟ้าเป็น uA สำหรับการอ่านค่าผ่านโปรโตคอลเช่น มอดบัส สามารถอ้างอิงได้จากคู่มือของอุปกรณ์ที่ทำการสื่อสารด้วย นอกจากนี้หากเราตั้งค่า PiTest ให้อ่านค่าไปเรื่อย ๆ เราสามารถกด Ctrl+C เพื่อหยุดการทำงาน
| การตั้งค่า | การใช้งาน |
|---|---|
| -1 | อ่านเพียงครั้งเดียว |
| -d | แสดงรายชื่ออุปกรณ์ |
| -f | อัพเดทเฟิร์มแวร์ |
| -g[o],[b] | อ่านบิตที่ b โดยออฟเซ็ทไป o |
| -l | รอให้ไดรเวอร์รีเซ็ท |
| -q* | อ่านเฉพาะค่าตัวแปรเท่านั้น |
| -r [variable] [h|d|b] | อ่าน variable ในฟอร์แมท hex (h), decimal (d) หรือ binary (b) |
| -r [o],[l],[h|d|b] | อ่านออฟเซ็ท o ด้วยความยาว l ในฟอร์แมท hex (h), decimal (d) หรือ binary (b) |
| -R [addr],[bs] | รีเซ็ทค่าเคานเตอร์ของโมดูลที่ addr ช่องสัญญาณ bs |
| -s [o],[b],[0|1] | ตั้งค่าบิตที่ b ของออฟเซ็ท o เป็น 0 หรือ 1 |
| -v [variable] | อ่านออฟเซ็ทและความยาวของ variable |
| -w [variable],[v] | เขียนค่า v ไปยัง variable |
| -w [o],[l],[v] | เขียนค่า vไปบังออฟเซ็ท o จำนวน l ไบต์ |
| -x | รีเซ็ทไดรเวอร์ |
7. หลังจากนั้น เราจะสามารถเขียนโปรแกรมเพื่อสั่งให้ RevolutionPi ทำงานตามที่เราต้องการ โดยเรามีหลากหลายทางเลือกในการเขียนโปรแกรม แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว NodeRED และ Python จะเป็นทางเลือกที่สะดวกที่สุด นอกจากนี้เรายังสามารถเขียนโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ของเราแล้วโอนย้ายไฟล์มาใช้งานบน Revolution Pi ได้อีกด้วย
8. หากเราเขียนโปรแกรมด้วย Python เราสามารถตั้งค่าให้โปรแกรมของเราเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเปิด Revolution Pi ด้วย RevPi Commander
9. เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว เราควรปิด Revolution Pi ให้ถูกวิธี
นอกเหนือจากขั้นตอนดังกล่าวแล้วยังอาจมีขั้นตอนอื่น ๆ เพิ่มเติมตามรูปแบบการใช้งานจริง เช่น การต่อออกหน้าจอเป็นต้น ซึ่งท่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จาก คู่มือ Revolution Pi หวังว่าบทความนี้จะให้ความรู้ที่จำเป็นในการเริ่มต้นใช้งาน Revolution Pi หากผู้อ่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อทีมงาน Techsquare ได้ครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง